" "

โจทย์ที่หนักอึ้ง

โจทย์ที่หนักอึ้ง

ลิเวอร์พูลต้องพบกับโจทย์ข้อใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์

ก้าวเข้ามาสู่ทีมเมื่อช่วงมกราคม 2018

ลิเวอร์พูลต้องพบกับโจทย์ข้อใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์

โจทย์ที่ว่าก็คือตัวของ ฟาน ไดค์ เองนั่นแหละ ในวันที่ไม่มีกองหลังชาวดัตช์คนนี้ ลิเวอร์พูลจะทำอย่างไร

ตอบแบบความเป็นจริงที่สุดมันก็ง่ายๆ ก็ต้องใช้คนอื่นที่มีอยู่ทดแทนไป คนอื่นที่ว่าคือ โจ โกเมซ กับ โฌแอล มาติป เซนเตอร์แบ๊กอาชีพอีก 2 คนที่เหลือในทีมชุดใหญ่

ฟาบินโญ่ มิดฟิลด์ตัวรับที่เล่นบทบาทกองหลังตัวกลางได้ นี่ก็คืออีกหนึ่งคนในทีมชุดใหญ่

คนอื่นๆ ที่เหลือไม่มีใครเป็นเซนเตอร์แบ๊กได้อีกแล้ว หรือถ้าเป็นได้ก็ไม่เคยเห็น.. จินี่ ไวจ์นัลดุม จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ดิว็อค โอริกี้ คอสตาส ซิมิกาส

มันก็ยังมองไม่เห็นภาพ เพราะฉะนั้นคงต้องหันไปหานักเตะจากทีมเยาวชนของสโมสรอย่าง บิลลี่ คูเมติโอ กับ รีส วิลเลียมส์ ที่ได้รับโอกาสลงเล่นกับพี่ๆ ในช่วงเตรียมความพร้อมก่อนเปิดฤดูกาลที่ผ่านมา รวมทั้ง เซปป์ ฟาน เดน เบิร์ก กับ แนท ฟิลลิปส์ ที่เคยอยู่ในเรดาร์การจับตา

ยังไม่ถึงเวลาก็ต้องถึงเวลาแล้ว มองวิกฤติเป็นวิกฤติมันก็คือวิกฤติ มองวิกฤติเป็นโอกาสมันก็จะเป็นโอกาส

มันคือโอกาสที่มาพร้อมกับความรับผิดชอบครั้งใหญ่ของ ฟาบินโญ่ โกเมซ และมาติป เมื่อช่องโหว่ที่เคยถูกอุดเรียบสนิทถูกแง้มเปิดขึ้นอีกครั้ง

ด้วยข้อจำกัดต่างๆ รวมทั้งการพูดคุยกันในทีมงานทำให้สุดท้ายแล้ว เจอร์เก้น คล็อปป์ ตัดสินใจไม่ซื้อหรือดึงกองหลังตัวกลางคนใหม่คนไหนเข้ามาแทน เดยัน ลอฟเรน ที่ย้ายออกไป

เชื่อว่าคล็อปป์และทีมงานคงไม่เห็นใครที่เหมาะสมในตลาด คำว่าเหมาะสมในที่นี้มีหลายกรณี คนที่น่าซื้อแต่แพงเกินไป คนที่พอจะซื้อได้แต่คุณภาพก็ยังไม่ดีไปกว่าที่มีอยู่ คนที่ซื้อได้เลยคุณภาพก็ได้แต่ตัวนักเตะอาจไม่มา

มันมีเหตุผลประกอบกันจนเป็นสิ่งที่แฟนบอลได้เห็นตอนสุดท้าย นั่นคือไม่ซื้อใครเพิ่ม

คล็อปป์ต้องเจอกับปัญหาใหญ่ที่ท้าทายเขาอีกครั้ง ลูกทีมของเขาทุกคนก็เช่นกัน กำลังใจถูกส่งไปหา ฟาน ไดค์ ขอให้เขาหายเจ็บกลับมาเร็วๆ กัปตันเฮนโด้ทวีตข้อความ “หายไวๆ ทุกคนรอนายกลับมาอยู่นะ” แต่ฟุตบอลรอไม่ได้ แชมเปี้ยนส์ ลีกกับอาแจ๊กซ์และเกมลีกนัดที่ 6 ของฤดูกาลกับเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด รออยู่

คล็อปป์จะแก้ไขปัญหานี้อย่างไรตรงนี้น่าติดตาม

ระบบการเล่น 4-3-3 จะกระทบไหมถ้าเขาไม่เห็นความน่าวางใจของกองหลังตัวกลาง 2 คน จะปรับเป็นเซนเตอร์แบ๊ก 3 คนเหมือนทีมอื่นๆ ที่ใช้รูปแบบนี้แก้ปัญหาไหม

ระบบสามเซนเตอร์สมัยใหม่ไม่ได้ต้องการเซนเตอร์แบ๊กอาชีพทั้งหมดแต่จะมีหนึ่งหรือสองคนที่เป็นฟูลแบ๊กขยับเข้ามาร่วมยืนด้วยเพื่อเปิดพื้นที่เล่นเวลารุกก็จะฉีกตัวออกไปเติมเป็นแบ๊กอีกคนและไปได้ไกลถึงสุดเส้นหลังคู่ต่อสู้

เกมรับเล่นเป็นเซนเตอร์แบ๊ก แต่เกมรุกเล่นแบบฟูลแบ๊ก รูปแบบนี้เราได้เห็นหลายคนปรับใช้หรือเคยปรับใช้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เชลซี แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อาร์เซน่อล เลสเตอร์ ซิตี้ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด

มีทั้งที่ได้ผลและไม่ค่อยได้ผล

ถ้าลิเวอร์พูลจะนำมาใช้ ภาระของคู่เซนเตอร์ มาติป – โกเมซ ก็จะลดลงด้วยจะมี เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ หรือ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน หุบเข้ามายืนช่วยชนให้อีกคน เราอาจจะนึกภาพ 2 คนนี้เป็นเซนเตอร์ตัวริมไม่ออก แต่ ลุค ชอว์ ก็เล่นได้ ไคล์ วอล์คเกอร์ ก็เล่นได้ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า ก็เล่นได้ คีแรน เทียร์นี่ย์ เจมส์ จัสติน แอรอน เครสเวลล์ ก็เล่นได้หมด

หลักการคือเข้ามาช่วยเพื่อนอีก 2 คนที่เป็นเซนเตอร์แบ๊ก เท่ากับการป้องกันด้านในมี 3 คนไม่ใช่ 2 คน ไม่ได้ต้องการประสิทธิภาพในแบบตัวหลักหรือกองหลังตัวกลางอาชีพ ด้วยความที่ยังต้องตอบโจทย์เรื่องเกมบุกให้กับทีมเช่นกัน

เราอาจจะได้เห็น.. หรือไม่ได้เห็น ก็ต้องเดาใจคล็อปป์ แต่โอกาสไม่ได้เห็นน่าจะมีมากกว่าด้วยความที่ระบบของคล็อปป์กับหงส์แดงชุดนี้ยึด 4-3-3 มานานโดยเฉพาะนับตั้งแต่เสีย ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ให้บาร์เซโลน่าเมื่อเดือนมกราคม 2018 หรือพูดง่ายๆ ว่าเขาปรับมาใช้ 4-3-3 ตั้งแต่ ฟาน ไดค์ เข้ามา

คาดว่าทางออกน่าจะเป็นการใช้งาน ฟาบินโญ่ ในตำแหน่งเซนเตอร์แบ๊กตัวกลางมากขึ้น ด้วยความที่กองกลางเวลานี้แน่นหนาไปด้วยนักเตะที่พร้อมลงเล่น เฮนโด้ ไวจ์นัลดุม ตีอาโก้ อัลกันตาร่า นาบี เกอิต้า เจมส์ มิลเนอร์ เคอร์ติส โจนส์ อเล็กซ์ อ๊อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน

มันก็ไม่ได้ขี้เหร่หรอก เพียงแต่แน่นอนว่าความอุ่นใจลดน้อยลง ก็คนที่คุณเสียไปคือกองหลังเบอร์หนึ่งของโลก เป็นรองบัลลงดอร์แค่ ลิโอเนล เมสซี่

ลิเวอร์พูลเคยเจอมรสุมมากมายก่อนหน้านี้ เดอะค็อปเองก็เคยผ่านเหตุการณ์น่าปวดหัวมาเยอะ ช่วงที่ทีมยังเตะแล้วแพ้ เล่นแล้วเสมอด้วยการเสียประตูง่ายๆ แบบเด็กอนุบาล เสียฟรีคิกกับเตะมุมรู้สึกเหมือนเสียจุดโทษ

ความรู้สึกเหล่านั้นหายไปนานแล้วนับตั้งแต่ ฟาน ไดค์ เข้ามา และยิ่งหายไปเหมือนสูญพันธุ์ไม่มีโอกาสเกิดขึ้นอีกตอนที่ได้ อลีสซง เบ็คเกอร์ มาเพิ่มศักยภาพในเกมป้องกันอีกคน

ไม่รู้ว่าความรู้สึกนั้นจะกลับมาตามหลอกหลอนเดอะค็อปอีกไหม แต่สิ่งที่ต้องทำก็คือเชียร์ไปให้สุด อย่าเพิ่งท้อถอย ฤดูกาลเพิ่งจะผ่านไปแค่ 5 นัดเท่านั้นเอง

ทุกทีมมีปัญหา มีโจทย์ที่ต้องเจอ มีเรื่องให้ต้องแก้ทั้งนั้น ตัวปัญหาหรือโจทย์หรือเรื่องวุ่นวายอาจไม่เหมือนกันหรอก แต่คุณต้องอยู่กับมันและต้องแก้ไขมันเหมือนกัน อยู่ที่ว่าใครจะทำได้ดีกว่า

ถ้าเครียดกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับทีมตัวเอง เดอะค็อปลองหันไปมองรอบตัวก็อาจจะรู้สึกดีขึ้น หลายๆ ทีมก็มีปัญหาต้องแก้ไขเช่นเดียวกัน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็เสียไปแล้ว 5 แต้ม มิดฟิลด์ตัวรับยังมีปัญหา แบ๊กซ้ายฟอร์มตก กองหน้าเจ็บทั้งคู่แม้จะเพิ่งกลับมาก็ต้องใช้เวลาอีกหน่อย เชลซีมีปัญหาที่ผู้รักษาประตูกับเซนเตอร์แบ๊ก

สเปอร์สดูน่ากลัวขึ้นมากแต่ก็ยังเจอปัญหาเรื่องสมาธิ เกมล่าสุดนำ 3-0 เสมอ 3-3 อาร์เซน่อลก็ด้วยขุมกำลังในภาพรวมยังเป็นรองรวมทั้งความสม่ำเสมอ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็เรื่องความแน่นอนในการคว้าผลการแข่งขันที่ต้องการ

ทุกทีมก็มีปัญหาต้องแก้ด้วยกันทั้งนั้น ใครแก้ได้ดีกว่าก็เอาแชมป์ไป

โจทย์ข้อใหญ่ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ กับทีมงาน โจทย์ข้อใหญ่ของนักเตะลิเวอร์พูลทุกคน และเช่นเดียวกัน มันก็เป็นโจทย์ข้อใหญ่ของเดอะค็อปด้วยว่าคุณจะปล่อยให้ทีมเดินเดียวดายไหม

 

 

บทความโดย  :: ป้าพล็อต

อ่านข่าวฟุตบอลต่างประเทศ :: ข่าวฟุตบอลวันนี้

บทความฟุตบอล :: บทความฟุตบอลก่อนหน้านี้

เว็บดูบอลออนไลน์ :: ดูบอลออนไลน์ฟรี