" "

“เมื่อผีต้องไปยูโรปา”

“เมื่อผีต้องไปยูโรปา”

 

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำท่าว่าจะผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายของฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้แบบสบายๆ หลังเก็บมาได้ 6 คะแนนเต็มจาก 2 เกมแรก ซึ่งจะเรียกว่าเป็นเกมที่ยากที่สุดก็ว่าได้

โอเล่ กุนนาร์ โซลชา พาลูกทีมบุกไปย้ำแค้น ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ได้อีกครั้ง หลังเคยสร้างปาฏิหาริย์มาแล้วหนึ่งครั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2019 ซึ่งนั่นเป็นเกมที่ทำให้เขาได้รับงานคุมผีถาวร

จากนั้นนายใหญ่ชาวนอร์เวย์กลับมาเปิดบ้านดวลกับ แอร์เบ ไลป์ซิก ซึ่งตอนนั้นมีดีกรีเป็นถึงจ่าฝูงบุนเดสลีกา ปรากฏว่าถล่มชนะไปแบบไม่ระคายเคืองผิว 5-0 โดยที่ มาร์คัส แรชฟอร์ด ทำแฮตทริค

ในเกมต่อมาน่าจะเป็นงานที่ไม่ยากมาก กับการบุกไปเยือน อิสตันบูล บาซัคเซเฮียร์ แต่กลับกลายเป็นว่าเล่นกันผิดพลาดจนพุ่งชนความปราชัย

จริงอยู่ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด กลับมาล้างตาถล่มแชมป์ลีกเมืองไก่งวงได้ในอีกเกมให้หลัง ทว่าความปราชัยต่อ ปารีส คารังทำให้พวกเขาเจอกับโจทย์ที่ดูเหมือนจะง่าย ด้วยการขอผลเสมอที่ ไลป์ซิก

ปรากฏว่าความผิดพลาด อันเกิดมาจากความเลินเล่อส่วนบุคคลมาเยือน แมนฯ ยูไนเต็ด อีกครั้ง และโดนเช็กบิลจนต้องตกไปเล่นในยูโรปา ลีก

กุนซือวัย 47 ปี ประกาศกร้าวว่าจะบุกไปเพื่อชัยชนะ ทว่าเมื่อวัดจากการจัดทัพแล้วมันดูจะเป็นไปในทางตรงข้าม

แบบแผนการเล่นหลัง 3 ถูกนำมาใช้อีกครั้ง ลุค ชอว์ ออกสตาร์ต ประสานงานกับ วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ และ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ขนาบข้างโดยวิงแบ็กอย่าง แอรอน วาน-บิสซาก้า และ อเล็กซ์ เตลลีส

ในวันที่ เฟร็ด ติดโทษแบน โซลชา เลือก เนมานย่า มาติช เล่นเป็นมิดฟิลด์คู่กลางกับ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ โดยมี บรูโน่ แฟร์นันด์ส สร้างสรรค์เกมอยู่หลัง เมสัน กรีนวู้ด และ มาร์คัส แรชฟอร์ด

เกมใหญ่แบบนี้ไม่มีที่ว่างให้กับความผิดพลาด สมาธิต้องดี แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่สิ่งที่เด็กๆของ โซลชา แสดงให้เห็น

แอรอน วาน-บิสซาก้า ประกบตัวไม่ดี จนเป็นเหตุให้โดน อังเคลินโญ่ เติมมาหวดให้ ไลป์ซิก ออกนำตั้งแต่นาทีที่ 2

เท่านั้นไม่พอ แบ็กขวาเลือดผู้ดียังมีส่วนต้องรับผิดชอบกับอีก 2 ประตูต่อมาด้วย เหตุเพราะมาจากการครอสบอลฝั่งนั้นทั้งหมด

เรื่องการทำเกมรุก บรูโน่ แฟร์นันด์ส แบกอยู่คนเดียวเหมือนเคย ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ วางแผนรับมือเรื่องนี้มาเป็นอย่างดี ด้วยการบีบให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ขึ้นเกมได้เฉพาะด้านข้าง

หากลำเลียงมาตรงกลางจะโดนเก็บตลอด บอลแทบไปไม่ถึง บรูโน่ หรือถ้าเล็ดลอดมาจะโดนตัดฟาวล์ตลอด

ไม่ใช่แค่เรื่อง 11 ผู้เล่นตัวจริงเท่านั้นที่สร้างความตะขิดตะขวงใจให้กับแฟนบอล หากแต่การเปลี่ยนตัวของ โซลชา ก็ด้วย

ในจังหวะที่เป็นฝ่ายตามหลัง แทนที่ โซลชา จะส่งนักเตะเชิงรุกที่อยู่บนม้านั้งสำรองอย่าง ฆวน มาต้า, แดเนี่ยล เจมส์ หรือ โอเดียน อีกาโล่ ลงมาลุ้นทำประตู แต่ดันเลือกเปลี่ยนกองหลังลงมาแทนกองหลังซะอย่างงั้น

มันเป็นการกระทำที่ไม่อาจหาเหตุผล และไม่ต้องการความเข้าใจใดๆทั้งสิ้น ซึ่งมันก็ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกกับ โซลชา

และก็เชื่อเหลือเกินว่ามันคงไม่ได้จบแค่เกมที่ ไลป์ซิก อย่างแน่นอน ซึ่งมันก็เป็นเพราะเหตุผลที่ว่า

คงไม่มีการเปลี่ยนแปลงบนบังเหียนในเร็วๆนี้

 

 

 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.planetefootball.com/