การถกเถียงเป็นเรื่องธรรมดาของเกมลูกหนัง
โดยเนื้อแท้แล้วการถกเถียงไม่ใช่ปัญหา มันมีข้อดีในตัวด้วยซ้ำเพราะเป็นการเปิดมุมมอง เปิดโลกทรรศน์ และรับรู้ข้อมูลใหม่ๆ ที่เราอาจไม่รู้มาก่อน
ได้ปรับความคิดจากการพิจารณาข้อมูลต่างๆ นั้นอีกครั้ง กลั่นกรองออกมาเป็นทัศนะที่มีคุณภาพมากกว่าเดิม ส่วนจะเป็นทัศนะเหมือนเดิมหรือแตกต่างไปจากเดิมไม่มีอะไรยืนยันได้
เรารู้แค่ว่าการถกเถียงที่มีประสิทธิภาพย่อมสร้างสังคมที่มีประสิทธิภาพ
การถกเถียงที่มีประสิทธิภาพเป็นอย่างไร? เรื่องสำคัญที่สุดก็คือการเปิดใจกว้างแล้วรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง
ถ้าเราไม่เปิดใจให้กว้างและพร้อมรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น ไม่มีทางที่การถกเถียงนั้นจะเป็นประโยชน์ ตรงกันข้ามกลับเสียเวลาโดยใช่เหตุ
เพราะฉะนั้นถ้าเราอยากจะอยู่ในสังคมของการถกเถียงที่มีประสิทธิภาพ เราต้องสำรวจตัวเองก่อนว่าใจกว้างพอไหม พร้อมรับฟังคนอื่นไหม ยินดีเปิดรับข้อมูลใหม่ๆ ที่อาจจะขัดกับความเชื่อหรือความรู้สึกของตัวเองหรือเปล่า
ปัญหาที่มองเห็นกันบ่อยๆ ของการถกเถียงในเกมลูกหนังก็คือความที่คุณเป็นแฟนบอลคนละฝั่ง
ธรรมชาติของมนุษย์เราย่อมยังมีกิเลส มักจะเอนเอียงเข้าข้างคนที่เรารัก ทีมที่เรารัก ฝ่ายที่เราเอาใจช่วย
ถ้าทีมที่เรารักเสียเปรียบ มันก็ยากที่จะทำความเข้าใจ แต่หากทีมที่เราสนับสนุนได้ประโยชน์ มันก็ไม่ยากที่จะเข้าใจ
สิ่งที่ทำให้การถกเถียงไม่มีประสิทธิภาพคือการขาดซึ่งการนำใจเขามาใส่ใจเรา
เพราะเรามัวขาดการฉุกคิดว่าถ้าเราเป็นเขาเราจะรู้สึกอย่างไร หรือถ้าเราตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเขาบ้าง เราจะคิดแบบเดียวกับที่เราคิดหรือเปล่า
ทุกสังคมมีกฎของตัวเองอยู่ สังคมเล็ก สังคมใหญ่ต่างก็มีกฎของตัวเองทั้งสิ้น
สังคมฟุตบอลก็เช่นกัน
กฎต่างๆ ยังสามารถปรับเปลี่ยนไปได้อีกด้วยตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ทั้งนี้เพื่อความเหมาะสมตามสภาพสังคมในเวลานั้นๆ โลกเมื่อร้อยปีก่อนย่อมมีกฎเกณฑ์บางเรื่องที่ใช้กับโลกวันนี้ไม่ได้
ฟุตบอลก็เช่นกัน มีการปรับและเปลี่ยนกฎกติกาอยู่เสมอเพื่อความทันสมัย แม้ความเปลี่ยนแปลงในบางเรื่องควรจะเกิดขึ้นตั้งนานแล้วก็ตาม
กฎบางข้อที่ยังมัวซัวไม่มีความชัดเจนก็แต่งเสริมให้เกิดความชัดเจนมากขึ้นอย่างเช่นกฎเรื่องการทำแฮนด์บอลของผู้เล่นฝ่ายรุกที่ใช้กันในฟุตบอลอังกฤษฤดูกาลนี้
การถกเถียงล่าสุดในเรื่องล้ำหน้าของเกมระหว่างเอฟเวอร์ตันกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็เป็นอีกครั้งที่เป็นการพูดคุยกันในวงกว้างเพราะมีทั้งฝ่ายที่มองว่าลูกยิงของ โดมินิก คัลเวิร์ต-เลวิน นั้นล้ำหน้า และฝ่ายที่มองว่าลูกยิงของหัวหอกทอฟฟี่สีน้ำเงินไม่ล้ำหน้า
จนถึงวันนี้ก็ยังเถียงกันไม่จบ มีทั้งที่ถกกันด้วยเหตุผล นำเอากฏกติกามากางดูแล้วตีความ พยายามหาข้อสรุปให้ได้ร่วมกัน และทั้งที่คุยกันด้วยอารมณ์ กูไม่ยอม มึงไม่ยอม
มันเป็นลักษณะที่ก้ำกึ่งในการตีความมาก บอลจากเท้าของคัลเวิร์ต-เลวินนั้นพุ่งไปทางเสาสอง ดาบิด เด เคอา นายทวารปีศาจแดงก็ถลำตัวไปแล้ว แต่บอลแฉลบขา แฮร์รี่ แม็กไกวร์ เปลี่ยนทางชัดเจนกลิ้งเข้าประตูไป
ระหว่างแม็กไกวร์กับเส้นประตู มี กิลฟี่ ซิกูร์ดส์สัน ขวางอยู่ ทีม VAR พิจารณาว่าเป็นการล้ำหน้าแม้กรรมการในสนามจะตัดสินให้ประตูไปแล้วก็ตาม
การที่บอลนั้นแฉลบเปลี่ยนทางชัดเจนทำให้เกิดความรู้สึกในหมู่แฟนบอลเอฟเวอร์ตันว่ามันคล้ายจะเป็นคนละเพลย์แยกจากกัน ลูกยิงของคัลเวิร์ต-เลวินก็จังหวะหนึ่ง บอลแฉลบจากเท้าแม็กไกวร์ก็อีกส่วนหนึ่ง
ถ้าแฉลบบางๆ เปลี่ยนทางไม่มากก็ว่าไปอย่าง แต่นี่คือการที่วิถีของลูกบอลเปลี่ยนชัดเจน
เช่นเดียวกับอีกประเด็นที่คุยกันมากคือ ซิกูร์ดส์สันซึ่งยกเท้าหลบลูกบอลที่กำลังกลิ้งมาหาตัวเองนั้นเป็นการตั้งใจไม่เล่นบอลไม่ใช่หรือ ถ้าไม่ได้มีเจตนาเล่นบอลแล้วจะล้ำหน้าได้อย่างไร
มันเป็น 2 เรื่องที่ต้องตีความ เพราะเป็นหนึ่งในเงื่อนไขร้อยพันที่อาจเกิดขึ้นเกี่ยวกับการล้ำหน้า และเป็นจังหวะที่ค่อนข้างยาก ละเอียดอ่อน
ว่ากันด้วยลูกแฉลบนั้น ตามกฎก็ยังถือว่าล้ำหน้า กรณีนี้จึงควรจะนับต่อเนื่องว่าเป็นจังหวะเดียวกันตั้งแต่ลูกยิงของคัลเวิร์ต-เลวินไปจนถึงจังหวะยกขาหลบของกิลฟี่
ส่วนเจตนาไม่เล่นบอลของกิลฟี่นั้นคงไม่ต้องตีความอะไรมาก เขาแสดงความชัดเจนมากว่าไม่เล่นบอลด้วยความที่รู้ตัวว่านั่งอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า
ไม่มีปัญหาอะไรเลยในเรื่องนี้ เพียงแต่หัวใจของมันคือ การแสดงเจตนาไม่เล่นบอลของเขานั้น ขัดขวางหรือมีส่วนกระทบการตัดสินใจของผู้รักษาประตูหรือไม่
เขาไม่ตั้งใจเล่นนั้นใช่ เห็นกันชัดๆ อยู่ แต่ตำแหน่งของเขาต่างหากที่เป็นปัญหา
ในเมื่อบอลจากลูกแฉลบยังถือว่าอยู่ในส่วนหนึ่งของการยิงประตูแล้วซิกูร์ส์สันไปอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าก็ย่อมล้ำหน้า ถ้าตำแหน่งและท่าทีของเขามีพฤติกรรมที่มีผลกระทบต่อการทำหน้าที่ของผู้รักษาประตู
ส่วนจะเป็นจังหวะไหนที่ล้ำก็น่าจะเป็นตอนที่เขายกขานั่นล่ะ ไม่ได้มีเจตนาเล่นบอลหรือตั้งใจหลอกผู้รักษาประตูก็จริง แต่มันส่งผลต่กการทำหน้าที่ของ ดาบิด เด เคอา เพราะนายทวารสแปนิชพุ่งตัวกลับมาแล้ว แม้โอการทันจะน้อยแต่เขาก็พุ่งตัวมาแล้ว
เจตนาของกิลฟี่นั้นจึงไม่ผิด แต่ข้อเท็จจริงที่ว่าเขาอยู่ในตำแหน่งที่ขวางการมองเห็นของเด เคอา นั้นต่างหากที่ผิดแม้จะตั้งใจยกเท้าหลบก็ตาม
การมีข้อถกเถียงอย่างนี้เป็นเรื่องที่ดีมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นที่ไม่เคยเจอมาก่อนหรือประเด็นที่แปลกใหม่
ถ้าการตัดสินครั้งต่อๆ ไปของกรรมการในจังหวะอย่างเดียวกันนี้ก็จะมีบรรทัดฐานมากขึ้น แฟนบอลก็จะเข้าใจยิ่งขึ้น
และเหนือสิ่งอื่นใดเลยคือทัศนคติของตัวเอง ถ้าเป็นด้านลบมันก็ได้ผลออกมาเป็นลบ ถ้าเป็นด้านบวกก็จะเข้าใจกรณีนี้ได้ดีขึ้น เป็นกรณีพื้นฐานของความคิดถ้าในวันข้างหน้าเกิดกรณีแบบเดียวกันขึ้นมาอีก
อยู่ที่เรานั่นล่ะว่าจะเอาแบบไหน ลบหรือบวก..
ป้าพล็อต
ติดตามข่าวสารได้ที่ :: ข่าวฟุตบอลต่างประเทศ
บทความก่อนหน้า :: แฟนหงษ์แดงต้องห้ามพลาด